Why Penang?
* บทความนี้ ไม่มีสาระ
บทสนทนาของเด็กน้อย หลังจากยื่นใบลา(ไม่รับเงินเดือนด้วย)กับหัวหน้า ก็ได้คำถามว่า...
"ไปตรงไหนของมาเลเซีย"
"ไปปีนังค่ะ"
"ตายละ ฉันก็นึกว่าไปเยอะแยะ ไปแค่เนี้ย"
เอ๊า ทำไมอะ บอกใครว่าไป ปีนัง ทุกคนจะถอนหายใจแล้วบอกว่าไปแค่เนี้ย ไปทำไม มันไม่มีอะไร...
ตอนแรกก็คิดแบบนั้น จนได้ไปนั่นแหละถึงได้รู้ว่ามันไม่มีอะไรหรอกนอกจาก สบายใจดี
"ไปตรงไหนของมาเลเซีย"
"ไปปีนังค่ะ"
"ตายละ ฉันก็นึกว่าไปเยอะแยะ ไปแค่เนี้ย"
เอ๊า ทำไมอะ บอกใครว่าไป ปีนัง ทุกคนจะถอนหายใจแล้วบอกว่าไปแค่เนี้ย ไปทำไม มันไม่มีอะไร...
ตอนแรกก็คิดแบบนั้น จนได้ไปนั่นแหละถึงได้รู้ว่ามันไม่มีอะไรหรอกนอกจาก สบายใจดี
ปีนัง เป็นรัฐหนึ่งในประเทศมาเลเซีย อยู่ทางตอนใต้ของชายฝั่งทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ติดทะเลและภูเขา และยังเป็นเมืองมรดกโลกอีกด้วย สถานที่ต่างๆ ยังคงอนุรักษ์ความเป็นเมืองเก่าแก่ไว้ผสมผสานกับกราฟฟิตี้ที่มีอยู่ทั่วเมือง ทำให้เป็นเมืองที่น่ารักได้ไม่น้อย และคนที่นี่ก็น่ารักมากด้วยเช่นกัน แอบเคยได้ยินว่าพวกกราฟฟิตี้เหล่านี้ยังเป็นการเล่าเรื่องของเมืองปีนังที่ผ่านมาอีกด้วย
ไปปีนังไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากมายเลย สภาพอากาศไม่แตกต่างกับบ้านเรา แต่ต้องระวังฝนไว้ก็เท่านั้น
- ใช้เวลารวมวันเดินทางแล้ว 4 วันกำลังดี (เดินทาง 2 เที่ยว 2) พกพาสปอร์ต 1 เล่ม วีซ่าไม่ต้อง
- ศึกษาสภาพอากาศให้เรียบร้อย อาจมีพายุหรือฝนตกชุก อย่าลืมติดเสื้อกันฝนหรือร่มไปด้วย
- สำคัญมาก ก่อนออกจากสนามบินจะมีมุมแผนที่ตั้งอยู่ รวมถึงแผนที่บอกกราฟฟิตี้ต่างๆ ด้วย อย่าลืมหยิบไปนะคะ
- รถเมล์ที่นี่ไม่มีเงินทอน โปรดเตรียมให้พอดี และขึ้นประตูหน้า ลงประตูหลัง ขึ้น-ลงที่ป้ายเท่านั้น
- ในเรื่องภาษา เราคิดว่าส่วนใหญ่เรากับเขาสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้
สำหรับเหตุผลที่เราอยากแนะนำให้ไปพักผ่อนชิลๆ ที่ปีนังมีอยู่ 2 ข้อด้วยกันค่ะ
1. Walk around in Georgetown
จอร์จทาวน์ หรือเรียกให้เข้าใจง่ายๆ ก็คืออำเภอเมืองของปีนัง ที่นี่เป็นแหล่งรวมของกราฟฟิตี้ ความเก่า บ้านเมืองที่มีสีสัน พบเห็นได้ตามทางทั่วไป หลังจากจบทริปก็พบว่า 'การเดินเล่นรอบจอร์จทาวน์' เป็นเรื่องราวที่ดีงามมากๆ ยิ่งถ้าเช้าตรู่วันนั้นฝนไม่ตก อากาศไม่ทำร้ายจะเป็นอะไรที่สวยและสุขใจมาก
แนะนำตอนเช้าตรู่ ตอนที่ฟ้ากำลังเปิด พ่อค้าแม่ค้ากำลังเตรียมตัวตั้งร้านขายมื้อเช้า และไฟตามท้องถนนซึ่งยังเปิดและกำลังจะถูกปิดไป ถ้าได้ไปเดินเล่นสูดอากาศดีๆ ชมวิถีชีวิตผู้คนในเมืองที่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีนและมุสลิม จะทำให้เราได้เห็นวัฒนธรรมและความแตกต่างต่างๆ อย่างเห็นได้ชัด
ส่วนตัวแล้วเราชอบข้อนี้มากๆ เดินเล่นไปเรื่อยๆ เดินได้ทั้งเมืองแต่สายหน่อยจะเริ่มร้อน เริ่มมีเหงื่อ ไม่สบายตัว แถมเช้าขนาดนี้ยังเดินเก็บกราฟฟิตี้ไปได้เรื่อยๆ ด้วย ไม่ต้องไปแย่งชิงกับใคร หรือมีใครติดเฟรมเราเข้ามา เพราะเช้าขนาดนี้นักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยตื่นกันหรอก สบายใจเข้าไปใหญ่ xD
แต่ตอนกลางคืนไม่ค่อยแนะนำ เท่าที่เห็นแทบไม่มีร้านนั่งดื่มตอนกลางคืนเลย และค่อนข้างเสี่ยงอันตรายถ้าดึกมากและที่พักเปลี่ยว ยิ่งเป็นผู้หญิงเดินกลับกันต่อให้มาเป็นกลุ่มก็อาจโดนแซวแบบน่ากลัวได้ (เพราะเจอมาแล้ว)
แนะนำตอนเช้าตรู่ ตอนที่ฟ้ากำลังเปิด พ่อค้าแม่ค้ากำลังเตรียมตัวตั้งร้านขายมื้อเช้า และไฟตามท้องถนนซึ่งยังเปิดและกำลังจะถูกปิดไป ถ้าได้ไปเดินเล่นสูดอากาศดีๆ ชมวิถีชีวิตผู้คนในเมืองที่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีนและมุสลิม จะทำให้เราได้เห็นวัฒนธรรมและความแตกต่างต่างๆ อย่างเห็นได้ชัด
ส่วนตัวแล้วเราชอบข้อนี้มากๆ เดินเล่นไปเรื่อยๆ เดินได้ทั้งเมืองแต่สายหน่อยจะเริ่มร้อน เริ่มมีเหงื่อ ไม่สบายตัว แถมเช้าขนาดนี้ยังเดินเก็บกราฟฟิตี้ไปได้เรื่อยๆ ด้วย ไม่ต้องไปแย่งชิงกับใคร หรือมีใครติดเฟรมเราเข้ามา เพราะเช้าขนาดนี้นักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยตื่นกันหรอก สบายใจเข้าไปใหญ่ xD
แต่ตอนกลางคืนไม่ค่อยแนะนำ เท่าที่เห็นแทบไม่มีร้านนั่งดื่มตอนกลางคืนเลย และค่อนข้างเสี่ยงอันตรายถ้าดึกมากและที่พักเปลี่ยว ยิ่งเป็นผู้หญิงเดินกลับกันต่อให้มาเป็นกลุ่มก็อาจโดนแซวแบบน่ากลัวได้ (เพราะเจอมาแล้ว)
เช้าแล้ว ตื่นได้แล้ว ภาพนี้เวลาประมาณ 6 โมงครึ่งค่ะ อากาศดีมาก สดชื่นสูดได้เต็มปอดเลย
เริ่มต้นจากบริเวณที่พักก่อน เดินออกมาพร้อมกับแผนที่บอกพิกัดกราฟฟิตี้
เดินไปเรื่อยๆ ไม่ต้องมีแผนก็อะไรให้มากค่ะ เข้าซอยนั้น ออกซอยนี้ มาอีกที อ้าว! ซอยเมื่อกี้นี่หว่า
เริ่มต้นจากบริเวณที่พักก่อน เดินออกมาพร้อมกับแผนที่บอกพิกัดกราฟฟิตี้
เดินไปเรื่อยๆ ไม่ต้องมีแผนก็อะไรให้มากค่ะ เข้าซอยนั้น ออกซอยนี้ มาอีกที อ้าว! ซอยเมื่อกี้นี่หว่า
ชอบรูปนี้มากเป็นพิเศษ ไม่มีเหตุผล
ไปตรงไหนก็เจอภาพเหล่านี้หมด บางครั้งก็ต้องคอยสังเกตดีๆ
เห็นข้อดีของการตื่นก่อนใครแล้วใช่ไหมเอ่ย กำไรเห็นๆ (:
เห็นข้อดีของการตื่นก่อนใครแล้วใช่ไหมเอ่ย กำไรเห็นๆ (:
เริ่มเดินไปซอยไกลๆ จากที่พักบ้าง วนไปวนมาแต่สุดท้ายก็กลับมาซอยเดิมๆ แต่ละแห่งไม่ได้หนีกันไปไหนไกลเลย
วัดอะไรก็ไม่รู้ เดินผ่านแล้วสวยดี แอบยื่นกล้องผ่านประตูไปถ่ายเพราะประตูปิด ชอบบบ
เดินไปเดินมาเริ่มอยู่ตรงส่วนกลางของจอร์จทาวน์แล้ว ตรงอาคารนี้ถือเป็นแลนด์มาร์กที่คนต้องมาแชะภาพอีกหนึ่งที่ค่ะ
ที่นี่คือ Kapitan Keling Mosque อยู่ใกล้ๆ กับอาคารด้านบนเลยค่ะ
พอเริ่มเข้ามาในเมืองจะเริ่มเห็นรถสี่ล้อแบบนี้ เห็นคนอื่นเช่ากันปั่นแอบดูยาก ลำบาก บางคนเกือบล้มแหนะ
ปิดท้ายข้อแรกนี้ด้วยแมวปีนัง
ลองไปเดินเอื่อยๆ เรื่อยๆ ในจอร์จทาวน์แล้วจะหลงรักค่ะ **ช่วงที่แนะนำคือเช้าตรู่ที่คนยังไม่ตื่นกันนะคะ (:
ลองไปเดินเอื่อยๆ เรื่อยๆ ในจอร์จทาวน์แล้วจะหลงรักค่ะ **ช่วงที่แนะนำคือเช้าตรู่ที่คนยังไม่ตื่นกันนะคะ (:
2. Penang Hill
Penang Hill หรือ Bukit Bendera จะเรียกว่าเป็นจุดชมวิวก็ใช่ แต่จริงๆ แล้วมันมีอะไรมากกว่านั้น พื้นที่นี้อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 830 เมตร ปัจจุบันเป็นที่นิยมอย่างมากของนักเที่ยว เพราะด้านบนสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองจอร์จทาวน์ได้อย่างสุดลูกหูลูกตา ด้านบนอากาศเย็นสบายตลอดวัน ไม่ร้อน ขนาดใส่เสื้อกันหนาวก็ยังไม่อึดอัด ถ้าได้มีโอกาสขึ้นมาในช่วงเย็นจะได้เห็นเมืองในยามค่ำคืนซึ่งสวยงามไปอีกแบบต่างจากตอนกลางวันด้วย
เมื่อรถไฟจอดและเดินออกมาจากชานชาลาจะเห็นทางที่รถไฟพาเรามา สวยยย
Info.
ทุกวัน ตั้งแต่ 6.30 - 22.30
วิธีเดินทางไปปีนังฮิลล์
ขึ้นรถบัสสาย 204 ที่ตึก Komtar โดยรถจะจอดอยู่ที่ช่องหมายเลข 2 และรถจะมาทุก 30-40 นาที
ราคาค่าโดยสาร 2RM และนั่งไปจนสุดสาย รถจะจอดที่ปีนังฮิลล์
วิธีเดินทางขึ้นปีนังฮิลล์
1. รถราง
ราคาตั๋วเที่ยวเดียว 17RM
ราคาตั๋วไปกลับ 30RM
2. เดิน
วิธีนี้ควรเผื่อเวลาสำหรับที่นี่ 1 วัน ไม่แนะนำให้เดินขึ้น เพราะด้านบนไม่มีที่ขายตั๋วและเป็นเส้นทางลาดชัน
* ไม่เหมาะกับคนไม่ออกกำลังกาย
ข้อมูลอื่นๆ ที่น่าสนใจสามารถดูได้จากเว็บไซต์ค่ะ www.penanghill.gov.my/
ทุกวัน ตั้งแต่ 6.30 - 22.30
วิธีเดินทางไปปีนังฮิลล์
ขึ้นรถบัสสาย 204 ที่ตึก Komtar โดยรถจะจอดอยู่ที่ช่องหมายเลข 2 และรถจะมาทุก 30-40 นาที
ราคาค่าโดยสาร 2RM และนั่งไปจนสุดสาย รถจะจอดที่ปีนังฮิลล์
วิธีเดินทางขึ้นปีนังฮิลล์
1. รถราง
ราคาตั๋วเที่ยวเดียว 17RM
ราคาตั๋วไปกลับ 30RM
2. เดิน
วิธีนี้ควรเผื่อเวลาสำหรับที่นี่ 1 วัน ไม่แนะนำให้เดินขึ้น เพราะด้านบนไม่มีที่ขายตั๋วและเป็นเส้นทางลาดชัน
* ไม่เหมาะกับคนไม่ออกกำลังกาย
ข้อมูลอื่นๆ ที่น่าสนใจสามารถดูได้จากเว็บไซต์ค่ะ www.penanghill.gov.my/
เมื่อขึ้นรถรางมาถึงด้านบนและมองลงไปเห็นสะพานปีนังด้วย เป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างเกาะปีนังและมาเลเซีย ความยาว 13.5 กิโลเมตร
ความรู้สึกเหมือนกำลังลอยอยู่บนเมฆ อากาศดีมากกก วิวสวยมาก ประทับใจมากก...
มีห้อยแม่กุญแจแบบเกาหลีด้วย
(จริงๆ ก็มีอะไรมากกว่านี้แต่ไม่ได้หาข้อมูลเพราะตั้งใจมาเพื่อดูบรรยากาศและเดินลง ขออภัยในส่วนนี้ค่ะ)
(จริงๆ ก็มีอะไรมากกว่านี้แต่ไม่ได้หาข้อมูลเพราะตั้งใจมาเพื่อดูบรรยากาศและเดินลง ขออภัยในส่วนนี้ค่ะ)
หลังจากดื่มดำกับบรรยากาศดีๆ (และหลายคนคงได้ชมบริเวณอื่นด้วย) ทีนี้ก็ได้เวลาลงจากที่นี่ และเด็กน้อยสามคนที่ซื้อตัวขาเดียวมาก็ต้องหาทางลงให้ได้ ซึ่งมันหายากมาก!! เดินไปตรงที่ที่คิดว่าน่าจะลงได้ก็ลงไม่ได้อีก จนมาเจอทางนี้เลยลองลงไปเพราะได้ยินเสียงคนเดินขึ้นมา (อธิบายยากจัง)
เอาเป็นว่าถ้าใครอยากเดินลงบ้าง จากมุมห้อยแม่กุญแจจะเห็นทางแบบนี้ ให้เดินไปค่ะแล้วจะเจอทางแยกให้แยกไปทางซ้ายแล้วเดินไปเรื่อยๆ ได้เลย ระหว่างทางจะเจอคนปีนเขาเป็นกลุ่มบ้าง เดี่ยวบ้าง ถ้าสงสัยถามพวกเขาได้ว่าขึ้นมาจากทางไหน เราเจอฝรั่งกลุ่มหนึ่งปีนขึ้นมาเขาบอกมาจากข้างล่าง โอเค โชคดี แปลว่าเราคงลงทางนี้แหละ ฮ่า
เอาเป็นว่าถ้าใครอยากเดินลงบ้าง จากมุมห้อยแม่กุญแจจะเห็นทางแบบนี้ ให้เดินไปค่ะแล้วจะเจอทางแยกให้แยกไปทางซ้ายแล้วเดินไปเรื่อยๆ ได้เลย ระหว่างทางจะเจอคนปีนเขาเป็นกลุ่มบ้าง เดี่ยวบ้าง ถ้าสงสัยถามพวกเขาได้ว่าขึ้นมาจากทางไหน เราเจอฝรั่งกลุ่มหนึ่งปีนขึ้นมาเขาบอกมาจากข้างล่าง โอเค โชคดี แปลว่าเราคงลงทางนี้แหละ ฮ่า
แล้วมันก็เดินลงได้จริงๆ มีเส้นทางหลายรูปแบบมาก แบบป่าเลย เป็นดินเป็นหิน เลาะธารน้ำ มีแบบลาดยางให้ผจญภัยสุดๆ เดินมาเรื่อยๆ ก็โอดโอยเพราะถึงบางเส้นทางจะลาดยางแต่ก็โหดมาก ลาดยาง และลาดชันตลอด พีคสุดคือทางที่ต้องเลาะขอบๆ ดิน เหยียบท่อนไม้ ข้ามไปอีกฝั่ง เรียกว่าถ้าตกไปไม่ตายก็พิการ พบเจอพี่ๆ น้องๆ ลิงเจ้าถิ่นเป็นบางพื้นที่ คนปีนเขาก็เช่นกัน เจอรถขับผ่านมาลงเขาแม้จะเป็นรถตำรวจก็ยังไม่กล้าเรียก เหนื่อยมาก อยากกลิ้งลงไปแทนการเดิน สำนึกได้ว่าต่อให้รองเท้าดีแค่ไหนก็ยังไม่รอด ระบมไปเป็นอาทิตย์
ตอนเดินลงมามันเป็นเส้นทางบังคับ ไม่ต้องกลัวหลงเลย และต่อให้คิดเดินย้อนกลับไปแค่ไหนก็ทำไม่ได้เพราะเหนื่อยเหลือเกิน กลับไปก็ไกล กลัวจะยิ่งหลงอีก กลับตัวก็ไม่ได้ต้องเดินต่อไปให้ถึง ฮ่าา
ตอนเดินลงมามันเป็นเส้นทางบังคับ ไม่ต้องกลัวหลงเลย และต่อให้คิดเดินย้อนกลับไปแค่ไหนก็ทำไม่ได้เพราะเหนื่อยเหลือเกิน กลับไปก็ไกล กลัวจะยิ่งหลงอีก กลับตัวก็ไม่ได้ต้องเดินต่อไปให้ถึง ฮ่าา
แต่ข้อดีของมันก็มีอยู่ คือได้เห็นรถราง(ที่เราขึ้นมา)กำลังไต่เขาขึ้นไป วินาทีสั้นๆ แต่ตื่นเต้นแสนนาน
แต่ถึงมันจะฟิ้วผ่านไปเราก็ไม่สามารถขอเกาะไปด้วยได้...
สรุปว่าวิธีเดินลงก็ทำให้สนุกไปอีกแบบ แต่อย่าลืมพกเพื่อนไปเดินด้วยกันจะได้ไม่เหงา และถึงมันจะทำให้เราเหนื่อยมาก ทรมานไปหลายวันแต่ก็ไม่เคยคิดเสียใจที่ทำอย่างนั้น จนตอนนี้มองย้อนกลับไปก็คิดว่า กูไปทำอะไรวะ 55555555555555555
แต่ถึงมันจะฟิ้วผ่านไปเราก็ไม่สามารถขอเกาะไปด้วยได้...
สรุปว่าวิธีเดินลงก็ทำให้สนุกไปอีกแบบ แต่อย่าลืมพกเพื่อนไปเดินด้วยกันจะได้ไม่เหงา และถึงมันจะทำให้เราเหนื่อยมาก ทรมานไปหลายวันแต่ก็ไม่เคยคิดเสียใจที่ทำอย่างนั้น จนตอนนี้มองย้อนกลับไปก็คิดว่า กูไปทำอะไรวะ 55555555555555555
สรุป. สำหรับบทความนี้ขอเรียกว่า เชิญชวน จะดีกว่าเพราะมันไม่ใช่การรีวิวหรืออะไรเลย แค่จะบอกว่าเมืองเล็กๆ ดูไม่มีอะไรที่เราเคยมองข้ามไปจริงๆ มันมีอะไรมากกว่าที่คิด และมีมากกว่าที่เราเขียนมา ถึงแม้จะทำงานมาเหนื่อยๆ มาเจอความวุ่นวายของปีนังแต่เดินรอบๆ เมืองแล้วก็พกพาความสบายใจ และมีเรื่องราวให้ต้องหยุดมองได้ตลอดทาง
ปีนังไม่ใช่เมืองไม่มีอะไร แต่ เป็นเมืองที่มีอะไรมากกว่านั้น มากกว่ากราฟฟิตี้บนผนัง มาแล้วจะ หลงรัก (: